ความภูมิใจของ “แม่” คือความสำเร็จ ของ “ลูก”

ครบอีกหนึ่งดิถี วาระดีๆของปวงชนชาวไทย ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถือเป็น “วันแม่แห่งชาติ”ของชาวไทยทั้งโลก และขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

วันนี้ทีมงานมีเดียสโมสรชลบุรี เอฟซี ขอนำเรื่องราวดีๆจาก คุณแม่ของ “เจ้ายิม”วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่วันนี้ จอมทัพวัย 21 ปี ฉลามชล กำลังจะเดินทางไปช่วยชาติไทย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอเชีย อย่างเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย

“เจ้ายิม”วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มิดฟิลด์หมายเลข 8 ฉลามชล ที่สร้างผลงานในซีซั่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ซัลโวไปแล้ว 15 ประตู จากทุกรายการ และเขายังเป็นหนึ่งเดียวของเรา(ฉลามชล)  ที่เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติล่าเหรียญฟุตบอลชายที่แดนอิเหนา

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ของ “เจ้ายิม” หนุ่มน้อยตาตี่ ที่กว่าจะเป็นกำลังหลักของฝูงฉลาม เด็กชายวัยย่าง 21 คนนี้ จะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากมารดาผู้ให้กำเนิด และคอยดูแลเจ้ายิมตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งวันนี้

เจ็บที่สุด ? แม่เคยร้องไห้หนักมาก ตอน ยิม 6 ขวบ เพราะเห็นลูกเจ็บ

เรื่องราวตอนนั้นยิมอายุประมาณ 6 ขวบ ครอบครัวของเรายังอยู่ที่เชียงใหม่อยู่เลย ตอนนั้นเราอยู่บ้าน 3 ชั้น และวันนั้น แม่ก็ได้ต้มน้ำเพื่อจะให้ยิมอาบน้ำอุ่นในห้องน้ำชั้นบน แต่แล้วแม่ก็เผลอไป จนกระทั่งได้ยินเสียงโครม และเสียงร้อง แม่รีบขึ้นไปดู ภาพที่เห็นคือยิมลงไปนอนดิ้นกับพิ้นและร้องไห้ เพราะเขาลื่นและไปโดนน้ำอุ่นที่แม่ต้มไว้

แม่เห็นภาพนั้นแม่ร้องไห้หนักมาก เพราะเห็นลูกตัวเองเจ็บ ทั้งแผลที่ล้มและแผลจากโดนน้ำร้อนลวก  จนตอนนี้ยิมเป็นแผลเป็นอยู่ที่ก้นของเขา

ยิม น้ำตานอง ก่อนซัดแฮตทริก บีจี

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่เองก็งงเหมือนกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่วันนี้เอง หลังเรา(ชลบุรี เอฟซี)แพ้ พัทยาฯ และก่อนหน้านั้นหนึ่งวันที่เราจะแข่งกับ บีจี ในฟุตบอลถ้วย ระหว่างนั้นแม่ก็ทำกับข้าวรอให้ยิมกับพ่อมานั่งรับประทานร่วมกันเป็นปกติ

แต่สักพักก็ได้ยินเสียง พ่อกับยิมคุยกัน และแม่ก็ยกกับข้าวมาที่โต๊ะสักพักเห็นน้ำตายิมไหลออกมา แม่นี่งงเลย ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะโดนพ่อว่าหรือเปล่า แต่พอคุยกับพ่อ พ่อก็พูดกับยิมประมาณว่า “ยิมต้องช่วยทีมให้มากกว่านี้” ประมาณนี้นะแม่ก็ถามพ่อ แต่ทั้งพ่อและแม่ก็งงว่าเมื่อก่อนว่าหนักกว่านี้ ยิมยังไม่ร้องไห้เลย แม่คิดว่ายิมคงกดดันและเขาไม่ค่อยพูดอะไรออกมา จนสุดท้ายน้ำตาเขาก็ไหลออกมาเอง

จากนั้นแม่เลยบอกเจ้ายิมว่า แกร้องไห้ออกมาให้หมดเพื่อระบาย และจะได้สบายใจ และเอาความผิดหวังไปเริ่มใหม่   วันต่อมายิมก็เล่นได้ดีและก็ยิงแฮตทริกแรกในทีมชุดใหญ่ได้ แต่แม่ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่เพราะเราตกรอบ

สิ่งที่ยิมเคยบอกแม่

ตอนนี้ยิมก็ได้เล่นชุดใหญ่อย่างเต็มตัว แม่ก็ยังดูแลเขาอย่างใกล้ชิดตลอดเรื่อยมา  สิ่งเดียวที่แม่ประทับใจในตัวยิม ก็คือยิมก็บ่นว่าเหนื่อยนะ เพราะโปรแกรมของเรา(ชลบุรี)โหดมาก เตะเสาร์ อาทิตย์  พุธ เป็นอย่างนี้มาหลายเดือนติดๆ ลูกแม่เขาก็มีบ้างที่บอกว่าเหนื่อย แต่ยิมไม่เคยบอกว่าไม่อยากลงเล่นสักครั้ง

เขาบอกตลอดว่า ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน เขาก็อยากจะลงมาทำหน้าที่ในสนาม มากกว่าการนั่งพักที่ข้างสนาม  ตอนนี้ยิมเขายังไม่คิดอะไรมากมายกับฟุตบอล เขาคิดอย่างเดียวก็คือการได้ลงเล่นให้มากที่สุด แม่คุยกับเขาและเขาก็คิดแค่นั้นจริงๆ

ความภูมิใจของแม่

ตอนนี้ทั้งแม่และพ่อยิมก็ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว เพราะยิมเขาดูแลครอบครัวทุกอย่าง เรื่องฟุตบอลยิมไม่เคยทำให้แม่เสียใจหรือผิดหวังเลย เรื่องส่วนตัวยิมเขาก็มีบ้างเล็กๆน้อยๆตามประสาวัยรุ่น ตอนนี้ลูกของแม่อายุย่าง 21 เอง แต่เขาก็ดูแลครอบครัวได้ขนาดนี้ สิ่งนี้คือความภูมิใจมากๆของแม่คนหนึ่ง ที่ดูแลเขามาจนวันนี้

ความหวังจากลูกชาย

แม่ไม่ได้หวังอะไรจากเขาแล้วให้เขาเป็นคนดี ให้เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขารัก ไม่กล้าคาดหวังเยอะ อยากให้ยิมมีความสุขมากที่สุด  ลูกมีความสุข แม่ก็มีความสุข แค่นี้ พราะยิมทำมาดีทุกอย่างแล้วสำหรับความคิดแม่นะ

เรื่องราวทั้งหมดนี้คือคำตอบจากการสัมภาษณ์จริงจากคุณแม่ยิมครับ  ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่คุณแม่ยิม อนุญาติให้ทีมงานมีเดียฉลามชลนำมาเผยแพร่ครับ

เราก็หวังว่าเรื่องราวนี้ จะเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้กับแฟนคลับฉลามทุกท่านใน “วันแม่แห่งชาติ”ปีนี้  และก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่และครอบครัว “กนิตศรีบำเพ็ญ” ดูแลเจ้ายิมให้แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆวัน เพื่อเป็นกำลังหลักของฝูงฉลามและกำลังหลักของทีมชาติไทยต่อไปอีกนานเท่านาน

มีเดียฉลามชล เรียบเรียง