ชลบุรี เอฟซี ปลดล็อคคว้าชัยนัดแรก ของ ศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2023/24 ได้สำเร็จ หลังเปิด ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม เอาชนะ ลำพูน วอริเออร์ ไปด้วยสกอร์ 1-0 จากประตูชัยของ ภานุพงษ์ พลซา ในนาทีที่ 85
ชัยชนะ และ 3 คะแนนแรก ที่เหล่าขุนพล “ฉลามชล” ทำได้ในเกมที่ผ่านมา สร้างรอยยิ้ม สร้างความสุข ให้กับ พี่-น้องการเชียร์ ทุกคนอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับประตูชัยที่มาจากฝีเท้าของ ดาวเตะที่ชื่อว่า ภานุพงษ์ พลซา นั่นทำให้ตัวเขาเอง มีรอยยิ้ม มีความสุข ไม่แพ้กัน
สำหรับ ภานุพงศ์ พลซา นั้น ถือเป็นอีก 1 นักเตะในระดับซีเนียร์ ที่ค้าแข้งให้กับ ชลบุรี เอฟซี มาอย่างยาวนนาน ได้รับโอกาสผลักดันขึ้นมาจากทีมอคาเดมี (โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา) เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ตั้งแต่ปี 2012 ก่อนจะผ่านการค้าแข้งเกี่ยวเกี่ยวประสบการณ์ลูกหนัง กับ สโมสร พานทอง เอฟซี, ทีโอที เอสซี และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยถือเป็นผู้เล่นสาระพัดประโยชน์ที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ได้แต่ กองหน้า, กองกลาง ปีกซ้าย-ขวา และ แบ็คซ้าย-ขวา
“เจ้าดิว” ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในปี 2020 ภายใต้การคุมทัพของ อากิระ นิชิโนะ ชุดที่เตรียมอุ่นเครื่องพบกับ ไทยลีก ออลสตาร์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เกมอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือจุดสูงสุดในชีวิต ก่อนที่จะประเดิมสนามให้ทัพช้างศึก ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม และ ยิงประตูแรกให้กับทีมชาติไทยได้ทันที
แต่ทว่าแต่ในช่วงตลอดช่วงที่ผ่านมา “เจ้าดิว” ต้องพบกับเคราะห์ร้ายเจออาการบาดเจ็บรุมเร้าต้องพักรักษาตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง พรีซีซั่นฤดูกาล 2023/24 มาจนถึงการเริ่มต้นออกสตาร์ทในฤดูกาลใหม่ แต่ทว่าการกลับมาของเขาไม่ได้กลับมาพร้อมฟอร์มการเล่นที่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่คาดหวัง
แต่ตัวเขานั้นเป็นนักเตะประเภทที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว เขาพยายามทำงานหนัก ฟื้นฟูสภาพร่างกาย ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด และ มุ่งมั่นในการฝึกซ้อม ทำให้ร่างกายของ “เจ้าดิว” เริ่มกลับมาดีดั่งเดิมอีกครั้งแล้ว จนทำให้ได้รับโอกาสลงสนามจาก มาโกโตะ เทกุระโมริ ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ต่อเนื่องมาจนถึงเกมล่าสุด ที่เขาสามารถยิงประตูชัยให้กับ ชลบุรี เอฟซี ได้นั่นเอง
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้เชื่อได้เลยว่า นี่น่าจะสร้างความมั่นใจ และเป็นจุดเริ่มต้นให้กับ ภานุพงศ์ พลซา ในการกลับมาทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกำลังหลักในการพา “ฉลามชล” เดินหน้ากลับสู่เส้นทางในการไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง และหวังว่าความมั่นใจนี่จะต่อยอดไปถึงการมีโอกาสกลับไปสวมยูนิฟอร์ม “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ให้แฟนบอลชาวไทย ได้ภูมิใจอีกครั้งในอนาคต
“ผมเสียใจ และ เสียดาย ที่ไม่ได้ลงสนามช่วยทีม ชลบุรี เอฟซี ได้อย่างเต็มที่เลยในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงก็เสียโอกาสที่ต่อยอดกับทีมชาติไทยด้วย แต่อาการบาดเจ็บเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผมก็ต้องยอมรับมัน และ ไม่ยอมแพ้ ผมพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อหายเจ็บกลับมาช่วยทีมให้เร็วที่สุด จนถึงวันนี้”
“ส่วนกับ ชลบุรี เอฟซี ไม่ว่าผมจะได้ลงสนามในตำแหน่งไหน ตัวจริงหรือตัวสำรอง ผมพร้อมที่จะทำทุกโอกาสที่ผมได้รับ ทุกวินาทีที่ลงสนามให้คุ้มค่า และ ทำเพื่อทีมให้ได้มากที่สุด ผมมาที่นี่ ตั้งแต่อายุ 14 ปี ก็เพื่อการเป็นนักเตะตัวหลัก ของ สโมสรแห่งนี้ และหลังจากนี้ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมเชื่อเสมอว่าฟ้าหลังฝนย่อมมีสิ่งที่สวยงามรออยู่เสมอ”