Young Passion 04 : ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ “แระ” กาแมน

WE ARE YOUNG PASSION 04 : ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ “แระ” กาแมน

กฤษดา กาแมน ปราการหลังดาวรุ่งวัย 19 ฉลามชล และทีมชาติไทยที่ฤดูกาล 2017 – 2018 ชื่อเสียงเรียงนามของ “แระ” เริ่มสะกิดใบหูของแฟนบอลไทยทั้งประเทศ ถึงความเก่งกาจ โดยเฉพาะการวางเท้ายิงไกลที่สวยสดงดงาม จนสะกิดหัวใจแฟนบอลหลายต่อหลายคน

แต่กว่าจะมาเป็นวันนี้ของดาวเตะ “มุสลิม” ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จากวันวานที่ได้เหยียบเท้าเข้ามาสู่รัง “อคาเดมี่ฉลามชล” เจ้าแระเองได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจไว้มากมาย

ผมแพ้ แจ๊บ แพ้ ยิม แพ้ โฟล์ค แต่สุดท้ายก็มาเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน
“จุดเริ่มของการเล่นฟุตบอล ผมเกิดที่จังหวัดตราด และตอนอายุ 5 – 6 ขวบ คุณพ่อคือคนที่สอนให้ผมรู้จักฟุตบอล รักฟุตบอลและเล่นฟุตบอล ชุมชนวันแสนตุ้งคือทีมแรกที่ผมได้ลงเล่นอย่างเป็นทางการครับ และปีนั้นผมก็ได้เป็นแชมป์จังหวัด ตอนนั้นผมอายุประมาณ 12 ปี และตำแหน่งแรกที่ผมเล่นฟุตบอลคือกองกลาง ซึ่งในปีนั้นผมจึงได้ติดตัวจังหวัดตราด ไปเล่นฟุตบอล ไพรส์มินิเตอร์คัพ รุ่น 12 ปี และผมก็แพ้ให้กับ ทีมจังหวัดชลบุรีไป 2-5 ซึ่งในชุดนั้นของชลบุรี ก็จะมีพวกยิม,โฟล์ค และ แจ๊บ รวมทั้งหลายๆคนครับ ซึ่งเกมนั้นสนุกมากแต่ทีมของผมก็แพ้ทีมอคาเดมี่ของชลบุรีไป แต่พอจบเกม โค้ชเฮงก็ได้ให้คนมาชวนผมให้ไปอยู่ที่อคาเดมี่ชลบุรี ซึ่งเวลานั้นมก็ยังไม่ตกลง ด้วยความเป็นเด็กผมจึงงอแงไม่อยากจะไปเพราะคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว และเพื่อนที่ตราด จนสักพักคุณพ่อก็พาผมไปส่งที่ อคาเดมี่ชลฯ ที่บ้านบึง ผมหิ้วรองเท้าสตั๊ดมา 2 คู่ในเวลานั้น ก้าวแรกที่เหยียบอคาเดมี่ชลฯ ผมร้องไห้อยากกลับบ้านเลยครับ”

เกือบโดนไล่ออกจากอคาเดมี่ฉลาม เพราะกองกลาง
“ผมเข้ามาที่อคาเดมี่ชลบุรี ประมาณอายุ 12 ปี หลังจากนั้นผมก็ทำหน้าที่อย่างหนักทั้งการฝึกซ้อม และเรียนหนังสือที่รร.ท่าข้าม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝัน ที่เกือบทำชีวิตผมพังครืนก็เกิดขึ้นตอนอายุ 13 -14 ปี ซึ่งผมมีรายชื่อที่จะถูกประเมินออกจากแคมป์อคาเดมี่ ซึ่งตอนนั้นผมเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์ และโค้ชมองว่าผมยังช้าไป และมีข้อผิดพลาดเยอะแยะมากมาย แต่ท้ายสุด “มาเซอร์ก้าง” ก็จับผมไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ในทัวร์นาเม้นต์อะไรสักอย่างผมก็ไม่แน่ใจ ซึ่งเกมนั้นผมทำผลงานได้ดีและสุดท้ายผมก็ได้อยู่ต่อ และปัจจุบันผมก็เล่นตำแหน่งนี้มาจนทุกวันนี้”


ชีวิตเกือบเลี้ยวเพราะเฟี้ยวเกินห้ามใจ
“ทุกอย่างในการเล่นฟุตบอลของผมเริ่มดีขึ้นมาก หลังจากที่ผมได้ปรับมาเล่นเป็นกองหลัง แต่พอเข้าสู่วัย 14-15 เป็นช่วงเวลาของวัยอย่างผม หรือวัยรุ่นนั่นเอง (หัวเราะ) ผมก็ได้มีการลองในสิ่งที่ไม่ดี ทั้งบุหรี่ , แอลกอฮอลล์ จนคุณพ่อผมใช้มาตรการเด็ดขาด เพราะคุณพ่อผมดุมาก ถ้าผมทำผิด ผมเคยโดนท่านตี โดนท่านดุด่า และสุดท้ายคุณพ่อผมก็ทำให้ผมคิดใหม่ ทำใหม่ และฟุตบอลก็คือสิ่งเดียวที่จะทำให้ผมดูแลครอบครัวได้ ฟุตบอลสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้ ผมจึงเลิกสิ่งที่ไม่ดีทุกอย่างและกลับมาเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว”

ฝันที่เป็นจริง
“ผมมีความฝันนะครับ ที่จะได้เป็นกำลังหลักช่วยทีมชลบุรี เอฟซี ในทีมชุดใหญ่ และฝันของผมก็เป็นจริงเมื่อปีที่แล้ว 2017 ผมได้ลงเป็น 11 คนแรก ในเกมบิ๊กแมตช์ทั้ง 2 เกม ในเกมเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เกมเยือนเมืองทองฯ ถึงแม้ผลการแข่งขันเราจะแพ้ แต่ผมก็สู้เต็มที่ และผมก็พอใจผลงานของผมในระดับหนึ่ง ขอบคุณโค้ชและผู้ใหญ่ทุกคนกับโอกาสในครั้งนั้น”

เท้าชั่งทองคือจุดขาย
“ปีที่ผ่านมา2017 ผมทำประตูได้กว่า 10 และ ประมาณ 5 ลูกที่ทำได้คือการยิงฟรีคิก ผมชอบยิงลูกฟรีคิก ผมชอบวางบอลยาวๆตั้งแต่เด็กๆ และสิ่งที่โค้ชสอนว่าให้ผม ซ้อมลูกนิ่งให้หนักขึ้น สิ่งนี้มันทำให้ผมพัฒนาขึ้นมาก แต่ผมจะไม่หยุดพัฒนาแน่นอนครับ”

ฝันต่อไป
“ในปีนี้ 2018 ผมอายุ 19 แล้ว และผมก็เป็นนักเตะอาชีพเต็มตัว ผมมีเงินเดือน ผมส่งเงินกลับบ้านให้ครอบครัวผมทุกเดือน ถ้าผมอยากให้ครอบครัวผมสบาย ผมก็ต้องเล่นฟุตบอลให้เก่ง ให้ดีกว่านี้ ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากครับ ตอนนี้ผมมีโอกาสได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ชลบุรี เต็มตัว โค้ชโกรัน เป็นโค้ชที่ให้โอกาสเด็กๆทุกคน ทุกคนเท่าเทียมกันหากใครซ้อมดีและรักษามาตรฐานได้ ปีนี้ผมอยากเป็น 11 คนแรก อยากมีส่วนร่วมกับทีมให้มากกว่าทุกปี และผมต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความฝันของผม”