เลข 29 จวนบรรจบมาพบกันอีกครั้ง ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 19.00 น. ฝูง ฉลามชล มีคิวเปิด ชลบุรี สเตเดี้ยม เล่นเกมตกค้าง กับทีม “พลังเพลิง” พีทีที ระยอง
เอาเป็นว่า การเจอกันในครั้งนี้ มีความสำคัญยิ่งยวด สำหรับ เรา( ฉลามชล) เพราะตัวเลขเกี่ยวกับ คะแนน 33 แต้ม ที่ตามหลัง ผู้มาเยือนอยู่ 1 คะแนน กับ โปรแกรมที่เหลือ อีก 4 เกม ณ เวลานี้ ทีมของเรา มีคะแนนห่าง จาก โซนแดง อยู่ 6 แต้ม
ตัวเลขทั้งหมด คือค วาม “สำคัญ” จริงๆ ในเกมนี้ เพราะถ้า เรา ชนะ พีทีที เรา จะมี 36 คะแนน อันดับของเราจะพุ่งขึ้นไปที่ 7 ของ ตารางทันที แต่ถ้าเราเสมอ อันดับเราก็จะอยู่ที่เดิม แต่ถ้าเราแพ้ถึงอันดับเราจะอยู่ที่เดิม แต่ระยะความห่าง ระยะการลุ้น กับ 3 เกมที่เหลือนั้น จะทำให้ทีม ของ เรา “กดดัน” ในทุกๆนาที
พูดตรงประเด็นไปเลย ก็คือ ถ้าวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ย.นี้ เราชนะ พีทีที ระยอง ได้ เราก็จะสามารถ ยืนหยัดใน ไทยลีก 2020 ได้แบบ ร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงแม้ความสัมพันธ์ ของ เรา กับ พีทีที ระยอง ในเกมวันอาทิตย์นี้ มีอยู่มากมาย เริ่มจาก “โค้ชโจ” ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น กุนซือใหญ่ พลังเพลิง คือ ลูกหม้อ ของ สโมสร ชลบุรี เอฟซี “โค้ชโจ” เป็นลูกหลานสายเลือดชลบุรี ตั้งแต่กำเนิด และ “โค้ชโจ” เคยเป็นนักเตะในชุดแชมป์ไทยลีก กับ ฉลามชล เมื่อปี 2007 เช่นเดียวกับนักเตะ อย่าง ศุภเสกข์ ไก่แก้ว ก็เคยอยู่ในชุดแชมป์ เอฟเอคัพปี 2010 แถมยังเป็นผู้แอสสิตสุดงามให้ พิภพ อ่อนโม้ ยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศเกมนั้นอีกด้วย รวมทั้ง สุทธินันท์ พุกหอม อดีตปราการหลัง ฉลามชล ผู้เคยค้าแข้งในถิ่น ชลบุรีสเตเดี้ยม มาเป็นเวลากว่า 10 ปีเต็ม และยังมี อดิศักดิ์ หาญเทศ รวมไปถึง จูเลียส ฟิตเนสโค้ชชาวเบลเยียม ที่เคยอยู่กับทีม ฉลามชล ในปี 2015 เอาเป็นว่า ทั้ง นักเตะ และ ทีมงาน ของทั้ง 2 ทีม รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดี ของผู้บริหารทีม นั้น สนิทสนมกลมเกลียว เป็นอย่างดี
แต่เกมวันอาทิตย์นี้ ความสัมพันธ์ที่ดี คงต้องยุติไว้ชั่วคราว เพราะฝูง “ฉลาม” ต้องการชัยชนะ และ 3 คะแนน เสมือนถ้วยแชมป์ แถมยังมีข่าวดีเมื่อ สหรัฐ กันยะโรจน์ ตัวเก่ง พีทีที ระยอง ที่ยิงประตูชัยเหนือ เรา ในเกมแรกติดโทษแบน ลงไม่ได้ในเกมนี้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “เสียงเชียร์” ของ แฟนคลับฉลามชล อยากให้ชาวฉลามชล เข้ามาชมเข้ามาเชียร์ เข้ามาส่งกำลังใจ ให้กับ ทีม ของเรา (ชลบุรี) เสียงเชียร์คือพลัง และ แรงกดดัน ของ ผู้มาเยือน ก็คือพลังเชียร์ ของ ชาวฟ้า-น้ำเงิน
เพราะเกมสำคัญ ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ คือเกมแห่งชีวิต ของ “ชลบุรี เอฟซี” อย่างแท้จริง