กษิดิศ กาฬสินธุ์ เส้นทางสายลูกหนังที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สู่แข้งกำลังสำคัญ ทัพ “ฉลามชล” ยุคใหม่

ดาวเตะที่เก็บข้าวของหอบหิ้วความฝัน จาก จ.จันทบุรี เดินทางมาทำการคัดเลือก เพื่อเป็นนักเตะในแห่งเพาะพันธุ์แข้งฉลามสายเลือดใหม่ อย่าง ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ ด้วยวัย 11 ปี นั่นคือจุดเริ่มต้น “ปั๊ป” กษิดิศ กาฬสินธุ์ มิดฟิลด์วัย 19 ปี ที่ก้าวขึ้นมาเป็นอีก 1 ขุมกำลังหลักแห่งทัพ “ฉลามชล” อย่างเต็มตัว ในการสู้ศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2023/24 โดยตลอดช่วงเวลาเกือบๆ 1 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาได้รับโอกาสลงสนามช่วยทีมไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 22 นัดรวมทุกรายการ

แต่กว่าที่เขาจะก้าวขึ้นมาถึงจุดจุดนี้ได้ “ปั๊ป” ต้องใช้เวลาในการออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กับทีมต่างๆ มาเป็นเวลา 3 ปีเต็มๆเลยทีเดียว “ปั๊ป” เป็นผู้เล่นที่พูดน้อย เน้นโชว์ผลงานในสนามให้กับแฟนบอลและโค้ชได้เห็น ไม่ว่าจะถูกจับไปยืนตำแหน่งไหนในสนามทั้ง กองหลัง, กองกลาง หรือพื้นที่อื่นๆ ก็ไม่มีการปริปากบ่น พร้อมก้มหน้าก้มตาทำผลงานให้ดีที่สุด

โดยเริ่มต้นจากการลงเล่นให้กับ สโมสร บ้านบึง เอฟซี ในไทยลีก3 ฤดูกาล 2020/21 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ซึ่งจุดเริ่มต้นกับ บ้านบึง เอฟซี ที่เขาได้รับโอกาสนั้น เขาไม่ทำให้ความเชื่อมั่นของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชต้องผิดหวัง เมื่อสามารถลงเล่นอย่างต่อเนื่อง และ ทำผลงานได้ดี จนทำให้ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือ ชลบุรี เอฟซี ในเวลานั้น เดินทางไปดูฟอร์มของ “ปั๊ป” ทั้งตอนเล่นให้ บ้านบึง เอฟซี และ โรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม ชุดคว้าแชมป์บอลนักเรียน 18 ปี ก.ซึ่งในเวลานั้นเขาต้องแบกอายุลงเล่นถึง 2 ปี ด้วยตนเอง จากนั้นจึงตัดสินใจ แจ้งกับบอร์ดบริหารแห่ง ทัพ “ฉลามชล” ว่า ชื่อของ กษิดิศ กาฬสินธุ์ จะถูกบรรจุอยู่ในทีมชุดใหญ่ ลงเล่นในศึก ไทยลีก เลกที่ 2 ในฤดูกาล 2020/21 วัยเพียง 16 ปี 5 เดือน และเป็นแข้งที่อายุน้อยที่สุดของทีม ทันที

อย่างไรก็ตาม การเดินทางออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ลูกหนังของเขา ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งใน ฤดูกาล 2021/22 เมื่อ อุทัยธานี เอฟซี ของ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ขอยืมตัวเขา พร้อมกับอีก 3 แข้ง อคาเดมี่ อย่างจาก ณัฐพงษ์ ไชยดี, พงศกร ตรีสาตร์ และ วรวุฒิ สุขุนา และนั่นถือเป็นที่ที่สร้างจุดเปลี่ยน ในการเป็น “นักฟุตบอลอาชีพ” ให้กับเขาอย่างแท้จริง และการเดินทางครั้งนี้แต่คำถามได้อย่างชัดเจนว่า สำหรับฟุตบอลเรื่องของอายุ ไม่ใช้เกณฑ์สำคัญในการตัดสินเรื่องคุณภาพฝีเท้าว่า นักเตะคนไหนจะเก่งหรือไม่เก่ง ต่อให้อายุจะน้อยแต่ถ้าผลงานในสนามแสดงออกมาให้โค้ชได้เห็นว่ามีของ พัฒนาได้ ก็มีโอกาสที่จะก้าวไปเล่นบนเวทีเดียวกันกับผู้เล่นมากประสบการณ์ก็เป็นไปได้ และ “ปั๊ป” ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการพา “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” คว้าแชมป์ไทยลีก 3 โซนเหนือ ต่อเนื่องมาถึงการเป็นแชมป์ประเทศ ซึ่งถือเป็นอีก 1 ในหน้าประวัติศาสตร์ที่แฟนบอล อุทัยธานี เอฟซี ยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี

จากนั้น “ปั๊ป” กลับมาสู่ทัพ “ฉลามชล” อีกครั้ง ในฤดูกาล 2022/23 ซึ่งเลกแรกเขาลงสนามไปทั้งสิ้น 5 นัด ก่อนจะย้ายทีมแบบยืมตัวอีกครั้ง เพื่อลงเล่นให้กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ซึ่งช่วงแรกๆ เขามีโอกาสเล่น เพราะ “โค้ชโบ้” จักรพันธ์ ปั่นปี ลูกหม้อของ ชลบุรี ยังอยู่คุมทีม แต่เมื่อแยกทางโอกาสของเขากลับน้อยลงกว่าเดิม จนถูกส่งตัวกลับมาอยู่กับ “ฉลามชล” ตั้งแต่ก่อนจบซีซั่น

การกลับมาครั้งนี้ “ปั๊ป” ใช้เวลาในการฝึกซ้อม และ ทำงานหนักเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องอยู่นานพอสมควร ก่อนจะเข้าสู่ช่วงปรีซีซั่น ในฤดูกาลปัจจุบัน ซึ่ง “ปั๊ป” ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสครั้งนี้ของเขาหลุดลอยไป เมื่อสามารถเอาชนะใจ มาโกโตะ เทกุระโมริ และกลับมามีชื่ออยู่ในทีม “ฉลามชล”ซีซั่นนี้ ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมกับ กฤษดา กาแมน และ สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ รวมไปถึง รุ่นพี่จากทีมอคาเดมี่คนอื่นๆอย่างเต็มที่

ซึ่ง ณ เวลานี้ แม้ว่าเขาจะยังอ่อนประการณ์ แต่การเติบโตของ “ปั๊ป” ทั้งเรื่องของฝีเท้า – คาแรคเตอร์ – ความกระหายชัยชนะ และ ความดุดัน ก็ทำให้เขาเป็น 1 ในขุมกำลังสายเลือดใหม่ ที่ ชลบุรี เอฟซี ขาดไม่ได้จริงๆ