ผลผลิตแห่งความภาคภูมิใจ อีกคน 1 จากรั้ว ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ ที่วันนี้เติบโตเต็มวัย พัฒนาตัวเองจากนักฟุตบอลในระดับเยาวชน ก้าวข้ามผ่านการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ติดทีมชาติเยาวชนทีมชาติไทยทุกชุด ไล่ไปจนถึงทีมชุดใหญ่ ได้รับเกียรติในการสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติไทย และ มีเกียรติประวัติจากความสำเร็จในการรับใช้ชาติมากมาย
นั่นคือสิ่งที่ กฤษดา กาแมน ถือปฎิบัติเสมอมา ซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลามที่เขานับถือ พร้อมกับการมีปณิธานที่แนวแน่บนเส้นทางสายลูกหนังเอาไว้ว่า “เขาจะเป็นนักฟุตบอลที่ดีให้จงได้”
ชีวิตในวัยเด็กของ และห์ เขาใช้ชีวิตแลเติบโตที่จังหวัดตราด โดยมีคุณพ่อเป็นโค้ชฟุตบอลคนแรก โดยคุณพ่อของ และห์ เริ่มสอนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่หัดเดิน จากนั้นเวลา คุณพ่อไปเล่นฟุตบอลตามหมู่บ้านที่ไหน ตัว และห์ เองก็จะได้มีโอกกาสติดตามไปด้วยทุกที่ นั่นจึงทำให้เขารักและชื่นชอบกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่วัยเด็ก
เขาคลุกคลีเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ มาตลอดตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนกระทั่งติดทีมโรงเรียน ซึ่งในสมัยเด็กๆนั้น และห์ เลือกลงเล่นในตำแหน่งกองกลางมาตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ชอบเลี้ยงบอล แต่ชอบการเพราะจ่ายบอล และยิงประตูมากกว่า ซึ่งจากผลงานในฐานะนักฟุตบอลโรงเรียนที่ได้ตะเวนแข่งขันไปทั่วภาคตะวันออก ถือเป็นการเปิดประตูสู่รั้ว ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ ซึ่งเขาเองเคยถูกทาบทามมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อตอนอายุ 11 ปี อย่างไรก็ตามในครั้งนั้น คุณพ่อ และ โค้ชของทีมโรงเรียน มองว่าน่าจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของ และห์ จนกระทั้งในอีก 2 ปีต่อมา เขาจึงได้เก็บเข้าของย้ายมาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลสายอาชีพ กับทัพ “ฉลามชล” ในท้ายที่สุด
แต่ทว่าการเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลสายอาชีพของเขาไม่ง่ายเลย ซึ่งและห์เองเล่าว่า การใช้ชีวิตในรั้ว ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ ต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะเพื่อนๆแต่ละคนมีทักษะที่ดีกว่า คล่องตัวกว่า ถึงขนาดที่ว่าเขาเองเคยมีชื่อเป็นกลุ่มนักเตะที่จะถูกประเมินออกในลอตที่ 2 หากฝีเท้าไม่พัฒนาขึ้น ซึ่งมีเพื่อนๆในล็อตแรกที่ถูกประเมินออกไปให้ได้เห็นมาแล้ว แต่ และห์ ก็พยายามทำงานหนักในการฝึกซ้อม และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะต้องการที่จะได้ไปต่อในรั้ว ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ ซึ่งโค้ชก็ได้ทดลองที่จะเปลี่ยนตำแหน่งของ และห์ จากกองกลางเปลี่ยนไปเป็นแบ็คขวา จากนั้นก็ถูกจับมาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งก็ทำผลงานได้ดีขึ้น และจากนั้น และห์ ก็ได้ลงเล่นในตำแหน่งนี้ ให้กับทีมในระดับเยาวชนเป็นตำแหน่งประจำ จนถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ในปี 2018
การถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เปรียบเหมือนความฝันของเด็กๆอคาเดมี่ ทุกคน แต่ชีวิตที่จะก้าวข้ามจากฟุตบอลนักเรียนไปสู่ฟุตบอลอาชีพ เป็นอีกครั้งที่ และห์ ต้องต่อสู้และใช้ความอดทน เพื่อก้าวข้ามผ่านไปให้ได้
“ผมเหมือนเป็นน้องของทุกคน ในช่วงที่เรายังไม่ได้รับโอกาสมาก ได้ลงเล่นกองหลังประมาณ 2-3 นัด เอาตรงๆก็ยังสู้ใครไม่ค่อยได้ บางแมตช์อาจไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรองด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าเราต้องมีความคิดหรือมีทัศนคติที่ดี เพราะถ้าเราปล่อย เราท้อ เราไม่เอา ผมว่าเราก็อาจไม่มีโอกาสเลย ซึ่งเมื่อไม่มีโอกาส ก็ต้องทำงานเพื่อสร้างโอกาสให้มาหาเรา เราต้องทำงานหนักเพื่อให้โค้ชเห็น เราถึงจะได้โอกาสลงสนาม ผมว่าทุกคนก็เก่งพอๆ กันแหละครับ อยู่ที่ทัศนคติและมุมมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ เราควรจะทำยังไงถึงจะดี”
ผลของความมุ่งมั่น ทุ่มเททั้งในการฝึกซ้อมและในสนามแข่งขัน พยายามพัฒนาฝีเท้า เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง ทำให้ และห์ ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น จนกก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักที่ขาดไม่ได้ของ ชลบุรี เอฟซี รวมถึงติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในเวลานี้
“การได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะของทีม ชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ เป็นความฝันของผมอยู่แล้ว และแน่นอนว่าการได้มีโอกาสก้าวขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย มันเป็นยิ่งกว่าความใฝ่ฝัน ผมประทับใจ มีความสุข และรู้สึกฮึกเหิมตลอดเวลาที่ลงเล่นให้ทีมชาติไม่ว่าจะเป็นชุดไหนก็ตาม ซึ่งผมยังคงมุ่งมั่น รักษามาตรฐาน และ ทำงานหนัก และพัฒนาตัวเองต่อไป เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าจะเล่นให้สโมสรที่สร้างและให้โอกาสเรามา เล่นเพื่อตอบแทนแฟนบอลของสโมสรที่เข้ามาเชียร์ในสนาม หรือเล่นให้กับทีมชาติเพื่อคนไทยทั้งประเทศ”
“ทุกวินาทีของผม ผมจะทำมันให้เต็มที่”