“เสี่ยหนุ่ม” รัชกฤต คชชาสุวรรณ ผู้อยู่เบื้องหลัง “รากหญ้า” ของฝูงฉลาม กับการดูแลเด็กอคาเดมี่ชลบุรี จนเติบใหญ่ และเป็นอีกกำลังขับเคลื่อนตามนโยบายของทัพฉลามชล ในการสร้างเด็กอคาเดมี่ให้แข็งแกร่ง
การดูแลเหล่าบรรดา ฉลามน้อยจนเติบใหญ่ บางครั้งถึงฉลามจะยังเล็กแต่พิษสงมหาศาลมากมาย กว่าจะเติบโตมาเป็นนักเตะที่ดี กว่าจะเป็นมนุษย์ฟุตบอลที่แข็งแรง กว่าหลายร้อยชีวิตที่ผ่านเข้ามาและก็ออกไป กว่าจะได้ขุมกำลังสักหนึ่งตำแหน่งนั้น ไม่มีอะไรง่ายดายสำหรับการเป็น ผจก.ทั่วไปของอคาเดมี่ชลบุรีฯ
แนวทางของซีซั่น 2019 กับทีมอคาเดมี่ฉลาม ที่ “เสี่ยหนุ่ม” ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารเบื้องบน กับการสร้างลูกกรอกฉลามให้แข็งแกร่งในฤดูกาลหน้านั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง งานนี้ “เสี่ยหนุ่ม” จะมาชี้แจงแถลงไขกันแบบทุกประเด็น
“ปีนี้เป็นปีที่ 10 ของอคาเดมี่ชลบุรี ที่เวลานี้เรามีเด็กขึ้นมาหลายคนแล้ว ทั้ง “เจ้ายิม” ที่ปีนี้ยิงได้ถึง 11 ประตู “แจ๊บ” กลายเป็นกองกลางตัวหลัก จนใครหลายคนลืม อดุล หละโสะไปแล้ว เช่นเดียวกับ “แระห์” กองหลังมุสลิมของเราที่อายุเพียง 19 ปี แต่เล่นบอลอย่างกับคนอายุเกิน 25 เช่นเดียวกับ “บาสน้ำหวาน” ที่กลายเป็นกองหน้าชั้นดีของเรา แต่โชคร้ายที่ต้องเจ็บหนัก และอะไหล่สำคัญอย่าง ชาคร, ชาญณรงค์, อาทิตย์ และ อีกหลายคน ที่รอเก็บเลเวล เพื่อขึ้นมาสู่ชุดใหญ่”
“ทั้งหมดคือความสำเร็จของทีมเรา ทีมงานทุกคนไล่ตั้งแต่โค้ช รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของ อคาเดมี่ฯ ทุกคนร่วมมือกันและทำเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างเด็กของเราให้แข็งแกร่ง”
“ปีนี้อคาเดมี่ของเรามีการเปลี่ยนแปลง ในการคัดเลือกนักเตะจากทั่วประเทศ ทั่วทุกภาคของเมืองไทย ทำไมเราต้องเปลี่ยนแปลงการเลือกนักเตะเข้ามา คำตอบก็คือเราอยากให้โอกาสเด็กๆ จากทั่วทุกมุมในเมืองไทย ได้มีโอกาสในการตามล่าหาความฝันของพวกเขา”
“ผมและทีมงานตั้งเป้าว่าจะต้องได้เด็กจากทั้งประเทศจำนวน 12 คน ในรุ่น 2550 เพื่อมาเริ่มเรียนรู้ทักษะลูกหนังกับเรา อีกทั้งยังมีพวกเด็กที่เกิดในปี 48-49 สัก 4-5 คนมาผสมกับเด็กที่อยู่กับเราก่อนหน้านี้ และผมจะให้เด็กๆ ที่คัดมาใหม่กับเรา เข้ามาเรียนหนังสือที่ รร.ท่าข้ามฯ ในเทอม 2 ทันที เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างทีมเจเนอเรชั่นใหม่ของเรา”
“ผมและทีมงานทำงานกันต่อเนื่อง เพื่อสร้างเด็กส่งไปสู่ชุดใหญ่ให้ดีที่สุด และปีนี้มีฟุตบอลรายการยูธลีก ซึ่งทีมของเราส่งแข่งขันถึง 4 รุ่น ทั้ง อายุ 13 ปี 15 ปี 17 ปี และ 19 ปี เป้าหมายของเราอย่างแย่ที่สุดก็คือ แต่ละรุ่นต้องเข้ารอบรองชนะเลิศเท่านั้น”
“ผมและทีมงานทำตามนโยบายสโมสร ที่จะต้องสร้างเด็กให้แข็งแกร่งที่สุด เพื่อขึ้นสู่ชุดใหญ่ นี่คือเป้าหมายของทีมเรา”