การแข่งขัน ฟุตบอล ช้าง เอฟเอคัพ 2020 รอบรองชนะเลิศ วันพุธที่ 7 เม.ย. 64 เกมระหว่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี พบ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เวลา 19.00 น.
รายชื่อ 11 ผู้เล่น ของทั้ง 2 ทีมในเกมนี้ ชลบุรี เอฟซี : ชนินทร์ แซ่เอียะ (GK), นพนนท์ คชพลายุกต์, ทรงชัย ทองฉ่ำ, จูเนียร์ เอลด์สตาล, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, กฤษดา กาแมน, รังสรรค์ วิรุฬห์ศรี, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, เอลิอันโดร กอนซากา
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, พรรษา เหมวิบูลย์, ดิเกา, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, รัตนากร ใหม่คามิ, แบรนดอน โอนีล, ศศลักษณ์ ไหประโคน, จักรพันธ์ แก้มพรม, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, ซามูเอล โรซา
เริ่มเกมในครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างเริ่มเกมแบบรัดกุม แต่เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่ายครองบอลเปิดเกมบุกเข้ากดดัน ชลบุรี เอฟซี อย่างต่อเนื่อง
ผ่าน 10 นาทีแรก บุรรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาเกมของ ชลบุรี เอฟซี ต้องลงไปเน้นรับต่ำในแดน แล้วหาจังหวะโต้
นาทีที่ 13 ชลบุรี เอฟซี มาได้ลูกฟรีคิก หน้ากรอบเขตโทษเยื้องไปทางฝั่งซ้าย ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว รับหน้าที่ยิง บอลเหินข้ามคานออกหลังไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 25 ชลบุรี เอฟซี มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะทำเกมขึ้นมาสุดสวย บอลเริ่มต้น จาก ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ เล่นสั้นๆร่วมกับ รังสรรค์ วิรุฬห์ศรี, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ เอลิอันโดร กอนซากา ก่อนจ่ายต่อไปให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จับบอลลงก่อนยิงลอดขา ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เข้าไป ชลบุรี เอฟซี ขึ้นนำ 1-0
แต่เพียงไม่กี่นาทีต่อมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูตีเสมอ เมื่อ รัตนากร ใหม่คามิ หยอดไปให้ สุภโชค สารชาติ เกี่ยวบอลลงก่อนยิงผ่านมือ ชนินทร์ แซ่เอียะ เข้าไป สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 อย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้ง 2 ทีมเปิดเกมแลกหมัดเข้าใส่กันอย่างสนุก โดยมีโอกาสลุ้นประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก 1-2 จังหวะเท่าๆกัน แต่ยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้ จบ 45 นาทีแรก ชลบุรี เอฟซี 1-1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ครึ่งหลัง รูปเกมยังคงเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาเปิดฉากบุกเข้าใส่ ชลบุรี เอฟซี เช่นเดิม นาทีที่ 53 ศุภชัย ใจเด็ด ตัดบอลได้จากจังหวะเลี้ยงลุยขึ้นไป ของ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ก่อนตัดสินใจยิงสวน บอลเหินข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 57 ชลบุรี เอฟซี ได้ลูกฟรีคิก กฤษดา กาแมน ยกบอลข้ามกำแพงไปทางซ้าย ให้ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ วิ่งมายิงบอลหลุดกรอบเข้าหน้าต่างแบบมีเสียว
นาที่ 59 ชลบุรี เอฟซี ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ลูกฟรีคิก ของ กฤษดา กาแมน ยิงไปติดไป ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับไม่อยู่ บอลมาเข้าทาง จูเนียร์ เอลด์สตอล ชาร์จจ่อๆไม่พลาด ชลบุรี เอฟซี ขึ้นนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1
หลังเสียประตู บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แก้เกมทันที โดยทยอยส่งผู้ดเล่นสำรอง ที่เป็นแนวรุกลงสนาม ทั้ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ไมคอน มาร์เกวซ หวังทวงประตูคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงครองบอลกดดันหนัก ส่วน ชลบุรี เอฟซี ถอยต่ำลงไปรับในแดนตัวเอง แล้วคอยหาจังหวะโต้กลับ
นาทีที่ 82 ชลบุรี เอฟซี พลาดโอกาสในการทำประตูหนีห่างออกไปเป็น 3-1 อย่างน่าเสียดาย เกมโต้กลับจากฝั่งซ้าย โดย ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ไปให้ เอลิอันโดร กอนซากา พาบอลลากเข้าไปยิงหนีมือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ไปแล้ว แต่ทว่าบอลพุ่งไปชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
ตัดกลับมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นลุ้นบ้าง ลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษโดย ซามูเอล โรซา ยิงจังหวะเดียวบอลเหินข้ามคานออกไป อย่างน่าเสียดาย
ท้ายเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงโหมบุกหนัก โดยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ผู้ตัดสินชูป้ายเวลาการแข่งขันในครึ่งหลัง 7 นาที ซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ลุ้นประตูตีเสมอ จากลูกโหม่ง ของ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่เติมเกมขึ้นไปแตนของ ชลบุรี เอฟซี แต่บอลไม่ตรงกรอบ
ช่วงเวลาที่เหลือ ชลบุรี เอฟซี ที่แม้จะต้องทยอยเปลี่ยนผู้เล่นสำรอง เนื่องจาก ผู้เล่นหลักได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว แต่ยังช่วยกันเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม
หมดเวลาการแข่งขันจึงเป็น ชลบุรี เอฟซี ที่เอาชนะ บุรีรมัย์ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ ชิงชนะเลิศ ไปพบกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 11 เม.ย.นี้ เวลา 18.00 น. ณ สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ต่อไป