กำแพงสูง, รั้วหนาม กับ ความหวัง ของ น้องเปเล่

ตัวกระผมเอง ได้มีโอกาสติดตาม ทีม ฉลามชล เข้าไปบำเพ็ญบุญ คืนความสุขให้สังคม ด้วยการ “สอนฟุตบอล” ให้กับเด็กๆใน ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านบึง

จะว่าไปแล้วการเดินผ่านรั้วหนาม และ กำแพงปูนที่สูงชัน เพื่อเข้าไปสู่ดินแดนแห่ง “รัตติกาล” สถานที่ที่ไม่มีใครพิสมัย อยากจะเข้าไปใช้ชีวิตในนั้น  เพราะบรรดาเยาวชน ที่เข้ามาสู่ที่แห่งนี้ เกิดจากความ พลั้งพลาด, ยั้งคิด, ขาดสติ  จึงทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

ผม ได้เห็นน้องๆกว่า 90 คน อายุ ไม่เกิน 24 ปี ส่วนใหญ่จะเป็น ชาว ชลบุรี และ พื้นที่ใกล้เคียง ทุกคนต่างตั้งใจ และ ฝึกซ้อม กับ ศาสตร์ฟุตบอล หลังจาก ทีมงาน ฉลามชล ที่งานนี้ “พี่โม้” ตำนาน ของว งการลูกหนังไทย ได้ออกมาพูดให้กำลังใจน้องๆ ให้สู้ต่อไป และ แก้ไข ในสิ่งที่ผิดพลาดไป เมื่อมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่  ส่วนอีกราย “อ๊อฟ”นพนนท์ คชพลายุกต์ แบ๊กขวา ชาว ใต้ ที่ได้สอนน้องๆ ให้เก็บความผิดพลาดไว้เป็นบทเรียน และ แนะแนวทาง ให้ รักฟุตบอล รักชีวิต และ อย่าทิ้งความฝัน เพื่ออนาคตต่อจากนี้ไป

ผม ได้มีโอกาสพูดคุย กับ น้อง “เปเล่” เด็กหนุ่ม จาก ภาคอีสาน ที่ในอดีตเคยเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน ตั้งแต่ ประถม จนถึงระดับมัธยม โดย น้องเปเล่ เล่นในตำแหน่งกองหลัง  ผมเห็นน้อง เขาตั้งใจฝึกซ้อม อย่าง เข้มแข็ง และ มุ่งมั่นตลอดเวลา และ ตัวน้องเองนั้น ได้วิ่งเข้าไปขอลายเซ็นต์ บรรดานักเตะฉลามทุกคน และ น้องยังรู้จักชื่อของนักเตะทุกคน แม้กระทั่งผู้เล่นต่างชาติ อย่าง “คิม ฮยอง มิน” ที่เสมือนเป็นไอดอล ของ น้องเขา เพราะเล่นในตำแหน่งเดียวกัน

เปเล่ ได้เล่าเรื่องราวของชีวิต ของ เขา ว่า “เมื่อก่อน ผม เป็นนักฟุตบอลตัวโรงเรียน ผมเล่นในตำแหน่งกองหลัง มาตั้งแต่ระดับประถม จนถึงมัธยม ที่บ้านเกิดของผม ผมเคยฝันว่าผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนพี่ๆ ในทีม ชลบุรี เอฟซี  

“ทว่าความฝันของ ผม ก็พังทลาย เมื่อชีวิตผมกลับมาเจอเรื่องเลวร้ายที่สุด เมื่อผมโดนข้อหาพยายามฆ่า และ ตัวผมเองก็ต้องมารับโทษอยู่ในที่แห่งนี้”

“น้ำตา ความทุกข์ใจ และ ความผิดหวังมันถล่ม ผม อย่างหนัก ครอบครัวข อง ผม ทุกคนต่างเสียใจ และ คนที่รักผม  แต่ที่เสียใจที่สุด คือ ตัว ผมเอง”

“แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป ผม ก็ต้องชดใช้กับความผิด ที่ ผม ทำ ผม อยู่ในที่แห่งนี้ ความสุขเดียว ก็คือ ฟุตบอล ผม จึงเลือกใช้เวลาว่าง ในการเตะฟุตบอล จน ผมเอง ได้เป็นนักฟุตบอลของศูนย์เยาวชนฯ ที่ บ้านบึง และ ผมก็ได้ไปแข่งฟุตบอลสถานพินิจระดับประเทศ เราได้ที่ 3 จากทั้งประเทศ ผมดีใจมาก และ ฟุตบอล คือ ความสุขเดียวสำหรับ ผม”

“ความหวัง ของ ผม ต่อจากนี้ ก็คือเดินตามความฝัน ผม อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และ อีกไม่นานผมจะพ้นโทษ ผม จะไปคัดบอล กับ ทีมศุลการฯ ที่เขาทำ MOU กับ “กรมพินิจ” และ ผม จะไปล่าฝัน ของ ผม ต่อไป”

“หากย้อนเวลาได้ ตัวผมเอง ไม่อยากทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ข้อหาพยายามฆ่า มันคือบทเรียนในชีวิต ของ ผม และ ถ้า ผม พ้นโทษ ผม จะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก  และ ฟุตบอลก็คืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ของ ผม ให้ ผม อยากเป็นคนดี”

พี่ๆใน ทีม ฉลามชล ทุกคน คือไอดอล ของ ผม ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ครับ”

หลังสิ้นสุดการสนทนา กับ น้อง “เปเล่” น้องเขาก็ได้ยกมือไหว้ขอบคุณผม  ที่จะเอาเรื่องของเขาไปเผยแพร่ ผม ขออนุญาติ น้องเปเล่ และ น้องเขา ก็ยินดีที่จะเผยแพร่เรื่องราว ของ เขาเองอย่างเต็มใจ

บางทีชีวิตคนเรา ก็ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างอยู่ที่ช่วงเวลา ว่า เราจะผ่านช่วงเวลาที่ดี และ ร้ายไปได้อย่างไร

เรื่องราว ของ น้องเปเล่ ที่ ตัวน้องเอง ก็อยากจะแก้ไขอดีตที่ผ่านมา แต่ น้องเขาก็ทำไม่ได้ นอกจากชดใช้ความผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

แม้นรั้วหนามกับกำแพงสูงเพียงใด ก็ไม่สามารถขวางกั้นหัวใจที่รักในกีฬาฟุตบอล และ ความฝัน ของ น้อง “เปเล่” ได้

และ หวังว่า “ฟุตบอล” จะทำให้ น้องเปเล่ กลับมาเป็น “คนดี” ของสังคมได้อีกครั้ง  

บอย บางปู เรื่องราว