ฉลามชล พ่ายโทษ ปราสาทสายฟ้า ศึก ยู 19 ชิงแชมป์ประเทศไทย 2019

การเเข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย รุ่นอายุ ไม่เกิน 19 ปี ครั้งที่ 21 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา

การพบกันระหว่าง แชมป์เก่า “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าครั้งที่ 20 และแชมป์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พบกับ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี แชมป์โซนภาคตะวันออก

11 คนแรก ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกอบด้วย ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ, กฤษณะ ดาวกระจาย, กิตติชัย ใยดี, ธีรภักดิ์ เปรื่องนา, ธนดล ขาวสะอาด, ภัทร สร้อยมาลัย, อภิเดช จันทร์งาม, บดินทร์ สระแก้ว, นวพรรษ เทียนไชย, ธนโชติ พุกตื้อ และ นพพล ละครพล เป็นผู้รักษาประตู

ด้าน 11 คนแรก ของ ชลบุรี เอฟซี ประกอบด้วย พงศกร ตรีศาสตร์, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ณัฐพงษ์ ไชยดี, รชต หมอรักษา, นิติธร ศรีประมาณ, พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, เนติธร แก้วเจริญ, ทรงชัย ทองฉ่ำ, สราวุฒิ เสาวรส และ อนุพงษ์ กันยาลัง เป็นผู้รักษาประตู

ครึ่งแรก ผ่านไป 10 นาที เป็นทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คุมเกมครองบอลบุกเข้าใส่มีจังหวะเข้าทำแต่ไม่สามารถเบิกสกอร์แรกได้

ส่วนทาง ชลบุรี เอฟซี อาศัยลูกสวนกลับเร็ว หวังฉวยโอกาสโจมตีเซนเตอร์ ของ ปราสาทสายฟ้า ที่ดันขึ้นสูง เวลาผ่านไป 20 นาที กลับเป็นฝั่ง ชลบุรี เอฟซี ที่ครองบอลได้เหนือกว่า มีจังหวะเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่นักเตะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถสกัดออกจากพี้นที่อันตราย ไว้ได้หมด

นาทีที่ 27 ชลบุรี เอฟซี ได้ลูกฟรีคลิก แล้วเป็นทาง รชต หมอรักษา มิลฟิลด์กัปตันทีม เปิดลูกเข้ากรอบเขตโทษ บอลทะลุถึง นิติธร ศรีประมาณ ยิงเข้าไปตุงตะข่ายง แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้า

นาทีที่ 39 “ฉลามชล” เกือบได้เฮ เมื่อ วรากร ทองใบ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงไป หาจังหวะสับไกในกรอบเขตโทษ แต่วิถีบอลตรงกรอบ นพพล ละครพล นายด่านบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รับสบาย

นาทีที่ 45 ชลบุรี เอฟซี มีโอกาสเข้าทำอีกครั้ง จากการเซตบอล ของ รชต หมอรักษา จากแดนตัวเอง ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เป็นทาง วรากร ทองใบ ที่ได้บอลฝั่งซ้าย แล้วส่งให้กับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ยิงเต็มข้อด้วยขวาบอลพุ่งหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 48 ชลบุรี เอฟซี มีโอกาสได้ลุ้น จากการเลี้ยงบอล ของ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนแตะเบาๆให้ เนติธร แก้วเจริญ ได้ซัด บอลไปตรงตัวนายด่านแชมป์เก่า

เกมมาถึง นาทีที่ 70 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้จังหวะสวนกลับเป็นทาง ภัทร สร้อยมาลัย พักบอลแล้วลากไปทางฝั่งขวา ก่อนเปิดบอลโด่งเข้าในกรอบเขตโทษให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เปลี่ยนลงสนามขึ้นโขกแต่บอลหลุดออกเสาไปนิดเดียว

จากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบเกมเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ ออกไปอีก 30 นาที

ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ผู้เล่น บุรีรัมย์ยูไนเต็ด เน้นเกมเพรสซิ่ง จนกดดัน อนุพงษ์ กันยาลัง ผู้รักษาประตู ชลบุรี เอฟซี ที่ได้บอลหน้าประตูตัวเอง และ โดนผู้เล่นแนวรุก ปราสาทสายฟ้า วิ่งกดดันจนเปิดบอลพลาด มาเข้าทาง ที่เก็บตก กฤตภาส วิชัยดิษฐ์ ยิงสวนเข้าประตูแบบโล่งๆ ขึ้นนำ 1-0

ในช่วงครึ่งหลัง ของช่วงทดเวลาพิเศษ ชลบุรี เอฟซีพยายามที่จะบุกเพื่อทวงประตูคืน จนกระทั่ง นาทีที่ 113 ธนดล ขาวสะอาด ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วิ่งสกัดขา เสฏฐวุฒิ สดาวงษ์ ในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่จะเป็น ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 1-1

ก่อนที่จะต้องมาดวลจุดโทษ และ สุดท้ายเป็นทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แม่นโทษกว่าชนะ 4-2 ทำให้สกอร์รวมชนะ 5-3

สำหรับ นิติธร ศรีประมาณ ได้รางวัล กองหน้ายอดเยี่ยม (Best Forward), รชต หมอรักษา ได้รางวัลกองกลางยอดเยี่ยม (Best Midfielder), ทรงชัย ทองฉ่ำ ได้รางวัลกองหลังยอดเยี่ยม (Best Defender) ขณะที่ 3 นักเตะ จาก ชลบุรี เอฟซี คือ นิติธร ศรีประมาณ, พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์, กิตติพงษ์ เขตภารา ได้รางวัลผู้ทำประตูสูงสุด (Top Goal Scorer) ทำได้ 3 ประตู